Record 1
Monday, 15 January 2018
KNOWLEDGE
- อาจารย์แนะนำรายละเอียดของวิชาเรียน
- ทบทวนการสงบเด็กไม่ให้จนแต้ม
- เล่นเกมต่อคำศัพท์ให้คล้องจอง
- มอบหมายงานนำเสนอ กลุ่มละ 3 คนตามหัวข้อดังนี้
กลุ่มที่ 1 พัฒนาการและคุณลักษณะตามวัย
กลุ่มที่ 2 การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 3 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 4 การจัดการเรียนรู้แบบโครงการ
กลุ่มที่ 5 รูปแบบการสอนแบบมอนเตสซอรี่
กลุ่มที่ 6 รูปแบบการสอนภาษาธรรมชาติ
กลุ่มที่ 7 ไตร่ตรองสารนิทัศน์
กลุ่มที่ 8 รูปแบบการสอนวอล์ดรอฟ
กลุ่มที่ 9 การทำแฟ้มสะสมผลงาน
กลุม่ที่ 10 รูปแบบการสอนแบบ High scope
- การสอนแบบบูรณาการ 6 กิจกรรมหลัก
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
กิจกรรมเสริมประสบการณ์
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
กิจกรรมกลางแจ้ง
กิจกรรมเกมการศึกษา
กิจกรรมเสรี
กลุ่มที่ 2 การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 3 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 4 การจัดการเรียนรู้แบบโครงการ
กลุ่มที่ 5 รูปแบบการสอนแบบมอนเตสซอรี่
กลุ่มที่ 6 รูปแบบการสอนภาษาธรรมชาติ
กลุ่มที่ 7 ไตร่ตรองสารนิทัศน์
กลุ่มที่ 8 รูปแบบการสอนวอล์ดรอฟ
กลุ่มที่ 9 การทำแฟ้มสะสมผลงาน
กลุม่ที่ 10 รูปแบบการสอนแบบ High scope
- การสอนแบบบูรณาการ 6 กิจกรรมหลัก
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
กิจกรรมเสริมประสบการณ์
กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
กิจกรรมกลางแจ้ง
กิจกรรมเกมการศึกษา
กิจกรรมเสรี
EF คืออะไร ?
กระบวนการทางปัญญาเหล่านี้สามารถพัฒนาได้ในวัยเด็กตอนต้น ผ่านกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะด้านสังคม อารมณ์ และร่างกายเพื่อช่วยส่งเสริม EF ให้ดีขึ้น เช่นการเล่นดนตรี เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของ EF เพราะต้องอาศัยทักษะต่างๆ เช่น การมีสมาธิอย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่นทางปัญญา การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน (task switching)
มีผลงานวิจัยใหม่ๆ ที่สนับสนุนเรื่องการฝึกเล่นดนตรีอาจช่วยให้พัฒนา EF ได้ โดยทีมนักวิจัยจาก Laboratories of Cognitive Neuroscience จาก Boston Children’s Hospital ในรัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างในผู้ใหญ่ที่เป็นนักดนตรี และผู้ที่ไม่ได้เป็นนักดนตรี พบว่า ผู้ที่เป็น
นักดนตรีสามารถทำการทดสอบได้ดีกว่าในด้านความคล่องทางภาษา (verbal fluency) เช่น สามารถคิดคำศัพท์แยกตามประเภท, ความคล่องที่ไม่ใช่ภาษา (design fluency) เช่น การวาดรูปสัญลักษณ์ และรูปทรงต่างๆ และ การจำตัวเลขย้อนกลับ (backward digit span)
ส่วนกลุ่มตัวอย่างในเด็ก งานวิจัยได้เปรียบเทียบเด็กที่เรียนดนตรี และเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี พบว่า เด็กที่เรียนดนตรีสามารถทำการทดสอบได้ดีกว่าด้านการทำงานประสานกันระหว่างมือและสายตาในการลอกเลียนแบบสัญลักษณ์ (coding) ความคล่องทางภาษา (verbal fluency) และ trail making เช่น การลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างวงกลมกับตัวเลขสลับกัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ใช้การสแกนสมองแบบ fMRI พบว่าสมองส่วน prefrontal cortex ในเด็กที่เรียนดนตรีมีการทำงาน (activation) มากกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรี
เนื่องจากงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยแบบตัดขวาง (cross-sectional study) ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการเรียนดนตรีจะสามารถพัฒนา EF ให้ดีมากขึ้น ยังต้องการผลการวิจัยแบบระยะยาว (longitudinal study) มารองรับด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น